ชีส (Cheese) ประโยชน์ของชีส สามารถ ป้องกันฟันผุ ได้
สวัสดีค่ะ วันนี้แอดมินจะมาตอบข้อสงสัยที่ว่า วิธีการป้องกันโรคฟันผุ ด้วยการ กินชีส สามารถ ลดฟันผุ ป้องกันฟันผุ ได้จริงหรือ? หลายคนคงเคยได้ยินมาผ่านๆ หรือไม่เคยได้ยินเลย บางคนคิดว่ากินชีสจะ ลดฟันผุ ป้องกันฟันผุ ได้ยังไงคงจะอ้วนมากกว่า จริงๆ แล้ว ประโยชน์ของชีส มีมากมาย เป็นอาหารป้องกันฟันผุ ชีสจัดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากนม เป็นอาหารจำพวกโปรตีนใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ในชีสอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโฟเลต วิตามินเอ วิตามินดี โดยเฉพาะแคลเซียมที่มีมากกว่านมถึง 2 เท่า
ประโยชน์ของชีสมีอะไรบ้าง? ชีสคืออะไร? ทำมาจากอะไร?
ชีส (cheese) คือ ผลิตภัณฑ์จากนมชนิดหนึ่งซึ่งผ่านกระบวนการต่าง ๆ ทำให้โปรตีนในนมจับตัวเป็นก้อน และนำไปบ่มตามต้องการ ชีสได้มาจากการตกตะกอนน้ำนม (whole milk) ให้กลายเป็นของแข็ง ส่วนประกอบหลักของชีสจึงเป็นโปรตีน ต่างจากเนยสดที่ได้มาจากไขมันนม (milk fat) จึงมีไขมันเป็นส่วนประกอบสำคัญ เรียกง่ายๆ ว่า ถ้าเรากินชีส เราจะได้โปรตีน แต่ถ้ากินเนยเราจะได้ไขมัน น้ำนมสัตว์ทุกชนิดสามารถนำมาผลิตชีสได้ ไม่ว่าจะเป็นนมวัว นมควาย นมแพะ นมแกะ นมอูฐ นมจามรี ฯลฯ แต่น้ำนมของสัตว์แต่ละชนิดจะให้กลิ่นและความมันของชีสแตกต่างกันขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของน้ำนมชนิดนั้นๆ อาทิ ชีสนมควายมีไขมันต่ำ ชีสนมแพะมีสารอาหารสูงแต่มีกลิ่นเฉพาะตัวจากแพะ เป็นต้น
5 ประโยชน์ของชีสคุณค่าทางโภชนาการสูง
1. ป้องกันฟันผุ
มีการวิจัยในประเทศฟินแลนด์ ชี้ให้เห็นว่า การรับประทานชีสไม่เพียงแค่ช่วยให้ร่างกายได้รับแคลเซียมที่ดีแก่กระดูกเท่านั้น แต่เชื้อแบคทีเรียบางชนิดอย่างโปรไบโอติกที่อยู่ในชีสยังช่วยยับยั้งไม่ให้เกิดฟันผุได้อีกด้วย นั่นเป็นเพราะชีสมีส่วนช่วยในการผลิตน้ำตาลซึ่งมีสภาพเป็นด่างมากขึ้น ช่วยปรับสมดุลมิให้ภายในช่องปากเป็นกรดมากเกินไป จึงช่วยลดโอกาสการเกิดฟันผุ สึก กร่อน อีกทั้งระหว่างการกัดหรือเคี้ยวชีสนั้น ยังปล่อยสารบางอย่างทำหน้าที่เสมือนฟิล์มเข้าเคลือบฟันป้องกันกรดจากอาหาร จึงช่วยลดโอกาสฟันผุได้
1.1 สาเหตุ และ อาการปวดหัวจากฟันผุ
อาการปวดฟัน ส่วนใหญ่มักจะมีสาเหตุมาจาก อาการฟันผุ หากฟันผุไม่ลึกมากนักก็จะมีอาการเสียวฟัน แต่ถ้าเกิดมีฟันผุใกล้โพรงประสาทฟัน , ผุทะลุโพรงประสาทฟัน หรือ รากฟันผุอาการ ก็จะเริ่มมี อาการปวดหัวจากฟันผุ ปวดเป็นบางครั้ง ปวดบ่อยขึ้น จนถึงปวดมาก ปวดตลอดเวลา
1.2 รักษาฟันผุ ทำอย่างไร
(1) การรักษาขั้นพื้นฐานคือการอุดฟัน ทันตแพทย์จะสกัดเนื้อฟันเฉพาะส่วนที่ผุออก และตามด้วยการใช้วัสดุในการอุดฟัน
(2) หากการผุขยายพื้นที่มากขึ้น เกิดการเน่าเสียของเนื้อฟันที่รุนแรง จนไม่สามารถอุดฟันได้ ทันตแพทย์จะรักษาโดยการสกัดฟันส่วนที่ผุออก แล้วตามด้วยการครอบฟัน
(3) และหากการผุของฟันลามลึกไปถึงส่วนในของเนื้อฟัน ทันตแพทย์จะทำการรักษารากฟัน โดยการทำความสะอาดโพรงประสาทฟันที่มีการติดเชื้อ แล้วทำการอุดฟัน ตามด้วยการครอบฟันเป็นขั้นตอนสุดท้าย
1.3 วิธีการดูแลรักษาโรคฟันผุ
(1) แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งด้วยยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์หรือมีคุณสมบัติช่วยลดการก่อตัวของคราบแบคทีเรียได้
(2) การใช้ไหมขัดฟัน หรือ แปรงทำความสะอาดซอกฟันเป็นประจำเพื่อทำความสะอาดบริเวณที่การแปรงฟันเข้าไม่ถึง
(3) การบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์หรือสารลดการก่อตัวของแบคทีเรีย
(4) บริโภคอาหารให้เหมาะสมตามหลักโภชนาการ และจำกัดการบริโภคอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล
(5) เข้าพบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือน
2. ควบคุมน้ำหนักและลดความอ้วน
ชีสอุดมด้วยโปรตีนและแคลเซียมที่ช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ แต่การจะเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้นั้นจะต้องอาศัยการเบิร์นพลังงานออกจากร่างกาย อีกทั้งไขมันในชีสยังทำให้อยู่ท้องนานขึ้น และไม่รู้สึกหิวบ่อย
3. ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน
ชีสมีกรดไขมันทรานส์ปลามิโทเลอิก (Trans-palmitoleic Acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันที่พบได้ในผลิตภัณฑ์นม โดยกรดไขมันชนิดนี้สามารถลดความเสี่ยงโรคเบาหวานได้กว่า 60%
4. ลดระดับคอเลสเตอรอล บำรุงหัวใจ
กรดไขมันบิวไทเรตในชีสมีบทบาทในการยับยั้งการสะสมไขมัน จึงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีได้
5. ดีต่อระบบย่อยอาหารและการไหลเวียนเลือด
ระบบการย่อยต้องการแบคทีเรียชนิดดีที่อยู่ในช่องท้อง ซึ่งชีสมีคุณสมบัติเป็นมิตรกับแบคทีเรียเหล่านี้ เนื่องจากชีสอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินหลากหลายชนิด จึงช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตแบคทีเรียที่ดีกับระบบย่อยอาหารได้มากขึ้น