จัดฟันแบบใส ไร้เหล็กกวนใจ ยิ้มสดใสสไตล์ดารา
การจัดฟันในทุกวันนี้มีหลายรูปแบบมาก อาจมีคำถามมากมายว่าควรจัดฟันแบบไหนดี การจัดฟันมีหลายประเภทมีหลายราคา เนื่องจากฟันแต่ละคนมีการเรียงตัวที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างฟัน ขนาดฟัน ฟันเก ฟันเหยิน ฟันห่าง ฟันซ้อน การสบฟันที่ไม่ดี รวมถึงความสัมพันธ์ของขากรรไกรฟัน และปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุและปัญหาสำคัญที่ทำให้ความมั่นใจลดลง การจัดฟันจึงเป็นการรักษาและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากฟันเรียงตัวไม่เหมาะสม เพื่อให้ฟันอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและเหมาะสม การจัดฟันจะช่วยลดปัญหาการในเคี้ยวอาหารและทำให้ฟันเรียงตัวสวยงามเป็นระเบียบทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น นอกจากนี้การจัดฟันยังมีผลดีต่อสุขภาพในช่องปากและฟันอีกด้วย เนื่องจากโครงสร้างของฟันมีการเรียงตัวเป็นระเบียบจึงช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดฟันผุและโรคเหงือกอีกด้วย
จัดฟันแบบใสคือ? การจัดฟันใสไร้เหล็ก?
เป็นการใช้เครื่องมือจัดฟันที่มีความใสและสามารถถอดออกได้ และออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสมกับคนไข้ในแต่ละบุคคล เครื่องมือดัดฟันแบบใส (Aligners) นี้ สามารถทำให้ฟันของคุณจัดเรียงตัวได้สวยงาม และสามารถทำให้ใบหน้าดูเหมือนปกติ โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเราดัดฟันใสอยู่อีกด้วย ต่างจากการจัดฟันแบบใส่เหล็กทั่วไป โดยเครื่องมือจัดฟันแบบใส แต่ละชุดจะค่อย ๆ จัดเรียงฟันอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้การแปรงฟันและการทานอาหารของคุณเป็นเรื่องง่าย สบาย ไม่ต้องยุ่งยากอีกต่อไป
การรักษาเฉลี่ยแล้ว จะใช้เวลาการรักษาน้อยกว่าการจัดฟันแบบด้านนอกทั่วไป ประมาณ 30% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาทางด้านสุขภาพฟัน และโครงสร้างฟันของแต่ละคน ดังนั้นระยะเวลาจึงอาจไม่เท่ากันในแต่ละบุคคล ซึ่งแต่ละชุดจะทำให้ฟันค่อย ๆ เคลื่อนไปสู่ตำแหน่งที่แพทย์จัดฟันกำหนดไว้ ส่วนจำนวนชุดของเครื่องมือจัดฟันใส ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ของแต่ละบุคคลโดยมีทันตแพทย์จัดฟันเป็นผู้กำหนด
การจัดฟันแบบใสมีกี่รูปแบบ
จัดฟันใสสมาร์ทเคลียร์ (Smart Clear)
จัดฟันใสไดมอนด์สไมล์ (Diamond Smile)
จัดฟันใสไบโอลักซ์แอคทีฟ (Biolux Active)
จัดฟันใสสมาร์ทไนท์ (Smart Night)
จัดฟันใสอินวิสไลน์ (Invisalign)
การจัดฟันใสสมาร์ทเคลียร์ (Smart Clear) เป็นการจัดฟันใสราคาถูกกว่าการจัดฟันใสชนิดอื่นๆ ด้วยเครื่องมือจัดฟันใสที่ทำจากพลาสติกบาง ไร้สี มีลักษณะคล้ายครอบฟัน โดยจะต้องสวมใส่ 22 ชั่วโมงต่อวัน
จัดฟันใสสมาร์ทเคลียร์ (Smart Clear) เหมาะกับใครบ้าง ?
- คนไข้ที่ไม่ต้องถอนฟัน
- เคสที่เคยจัดฟันมาแล้ว แต่ไม่ได้ใส่รีเทนเนอร์
- เคสที่ไม่มีความซับซ้อนมาก
- สามารถเคลื่อนฟันได้ทั้งช่องปาก
จัดฟันใส Diamond Smile เป็นการจัดฟันด้วยเครื่องมือจัดฟันใส ไร้สี สามารถถอดระหว่างวันได้ แต่ต้องใส่ 22 ชั่วโมงต่อวัน เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เพราะมีความสะดวก รวดเร็ว และได้ผลลัพธ์ที่ดี นอกจากนี้เวลาจัดฟันจะไม่เห็นเครื่องมือหากไม่สังเกต เพราะถูกออกแบบมาให้เน้นความโปร่งแสงเป็นพิเศษ
จัดฟันใส (Diamond Smile) เหมาะกับใครบ้าง ?
- ใช้ในคนไข้ที่ฟันมีความซับซ้อนระดับปานกลางจนถึงมาก มีฟันเก ฟันซ้อน
- คนไข้ที่ต้องถอนฟันแบบง่ายๆ
จัดฟันใสไบโอลักซ์แอคทีฟ (Biolux Active) เป็นการจัดฟันใสที่จัดเสร็จเร็วกว่าการจัดฟันทั่วไป ด้วยการประสานกันระหว่างเครื่องมือจัดฟันใสและแสงอินฟราเรดไบโอลักซ์ที่จะช่วยให้ฟันคุณเคลื่อนตัวเร็วขึ้นถึง 3 เท่า ช่วยลดความเจ็บปวดในขณะจัดฟัน ป้องกันการละลายตัวของรากฟัน และมีการนำระบบ Vertex DM หรือแอปพลิเคชันสแกนฟัน 3 มิติ ที่ใช้ติดตามผลการรักษา
จัดฟันใสไบโอลักซ์แอคทีฟ (Biolux Active) เหมาะกับใครบ้าง ?
- เหมาะกับคนที่ไม่อยากใช้เวลานาน
- มีระบบแสงอินฟาเรดช่วยลดระยะเวลาการจัดฟัน
จัดฟันใสสมาร์ทไนท์ (Smart Night) เป็นการจัดฟันด้วยเครื่องมือแบบใส ไร้สี ที่ถูกยกว่าเป็นการจัดฟันตอนกลางคืน เพราะสวมใส่แค่ตอนกลางคืน เพียง 12 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ในขณะที่ฟันของเราก็กำลังค่อยๆ เคลื่อนตัว และเรียงตัวอย่างเหมาะสม
จัดฟันใสสมาร์ทไนท์ (Smart Night) เหมาะกับใครบ้าง ?
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการใส่เครื่องมือเฉพาะเวลากลางคืน แค่ 12 ชั่วโมงต่อวัน
- มีระบบแสงอินฟาเรดช่วยลดระยะเวลาการจัดฟัน
จัดฟันใสอินวิสไลน์ (Invisalign) เป็นทางเลือกใหม่ของการจัดฟัน การจัดฟันแบบเดิมๆที่ต้องติดเหล็กและลวดจัดฟัน อาจจะเคยฮิตในหมู่วัยรุ่น แต่ในปัจจุบันมีทางเลือกใหม่ที่ดีกว่าอย่างการจัดฟันใสอินวิสไลน์ (Invisalign) เพราะทำให้คุณยิ้มได้อย่างมั่นใจแม้จะใส่เครื่องมืออยู่ การจัดฟันแบบเหล็กจะเห็นเครื่องมือเหล็กอยู่ตลอดเวลา หากคุณทำงานที่ต้องใช้ภาพลักษณ์เป็นหลัก
จัดฟันใสอินวิสไลน์ (Invisalign) เหมาะกับใครบ้าง ?
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการใส่เครื่องมือเฉพาะเวลากลางคืน แค่ 12 ชั่วโมงต่อวัน
- มีระบบแสงอินฟาเรดช่วยลดระยะเวลาการจัดฟัน
เหตุผลของคนส่วนใหญ่ที่อยาก จัดฟันแบบใส
โดยส่วนใหญ่นั้นก็มีเหตุผลที่แตกต่างกันออกไปเพราะการจัดฟันในยุคปัจจุบันมีหลายชนิดอาจจะมีคำถามว่าเราควรจัดฟันแบบไหนดี และจัดฟันใสมีข้อดีอย่างไร นี่คือเหตุผลของคนส่วนใหญ่ที่อยากจัดฟันใส
1. ต้องการมีรอยยิ้มสวยมากขึ้น การจัดฟันใสนั้นช่วยให้เรายิ้มสวยมากขึ้นในระยะเวลาอันสั้น และช่วยสร้างความมั่นใจในรอยยิ้มของตัวเอง
2. ไม่ต้องการเข้าไปคลินิกบ่อยครั้ง เพราะในปัจจุบันมีแอพพลิเคชั่นช่วยในการจัดฟันใส
3. ต้องการทำความสะอาดฟันได้ง่ายมากขึ้้น ทำให้มีสุขภาพฟันที่ดี และลดปัญหาเกี่ยวกับกลิ่นปากได้อีกด้วย และสุดท้าย ต้องการมีการสบฟันที่ดีขึ้น เพื่อให้เรานั้นสามารถเคี้ยวอาหารได้ดีมากขึ้นนั่นเอง
4. เพราะการจัดฟันแบบใสข้อเสียนั้นมีไม่มากนักหากเทียบกับจัดฟันแบบปกติ
5. ในยุคปัจจุบันการจัดฟันใสราคาถูกลงเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนเพราะเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้น
ขั้นตอนของการจัดฟันใส
1.
พบทันตแพทย์เพื่อดูลักษณะฟัน ดูการสบฟัน ประเมินการรักษาเบื้องต้น
2.
ทำ CT Scan หรือ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ 3 มิติ เพื่อให้ทันตแพทย์เห็นลักษณะของฟัน โครงหน้า กระดูกขากรรไกร ตำแหน่งของเส้นประสาทอย่างแม่นยำ เพื่อนำไปใช้ประกอบแผนการรักษา และออกแบบการรักษา
3.
เคลียร์ช่องปาก เพื่อความแข็งแรงและประสิทธิภาพในการจัดฟัน จำเป็นต้องเคลียร์ช่องปากให้สะอาดเรียบร้อยก่อน โดยทันตแพทย์จะเป็นคนกำหนด ว่าคนไข้ต้องทำความสะอาดหรือเคลียร์ช่องปากส่วนไหน อย่างไรบ้าง เช่น อุดฟัน ถอนฟัน ผ่าฟันคุด รักษารากฟัน รักษาโรคเหงือก ฯลฯ
4.
สแกนฟัน 3 มิติ ด้วยเทคนิค Nemo Smile เพื่อนำไปใช้สร้างเป็น “โมเดลฟัน” และนำมาเปรียบเทียบดูความเปลี่ยนแปลงก่อนและหลังการดัดฟันแบบใสและประกอบการรักษา
5.
ดูแผนการรักษา ทันตแพทย์จะอธิบายแผนการรักษาผ่านระบบคอมพิวเตอร์ 3 มิติที่ใช้ในการวางแผน คนไข้จะทราบว่า จำเป็นต้องใช้เครื่องมือดัดฟันใสทั้งหมดที่ชุด และฟันจะมีลักษณะอย่างไรในระหว่างจัดฟันแต่ละช่วง และจะมีลักษณะอย่างไรหลังจากจัดฟันใสเสร็จแล้ว
6.
ติดเครื่องมือ (Attachment) ทันตแพทย์จะติด Attachment ไว้ที่ฟันก่อนสวมเครื่องมือจัดฟันใส โดย Attachment จะทำหน้าที่เคลื่อนฟันหรือดึงฟันให้เคลื่อนตัวไปตามแผนการรักษาของทันตแพทย์
7.
รับเครื่องมือดัดฟันแบบใสชุดแรก
8.
เมื่อการรักษาเสร็จสิ้น คนไข้จะต้องใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน (Retainer) เพื่อคงสภาพฟันหลังจัดเสร็จไว้ หากไม่ใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน ฟันอาจจะเคลื่อนตัวเปลี่ยนไปจากเดิม เช่นฟันเก และอาจจะต้องกลับมาจัดฟันอีกครั้งหากไม่สวมใส่เครื่องมือคงสภาพฟันตามคำแนะนำของทันตแพทย์
การออกแบบฟันด้วยเทคนิค Nemo Smile
Nemo Smile เป็นเทคโนโลยีในการวิเคราะห์โครงสร้าง วางแผนการรักษาฟันสำหรับคนไข้แต่ละราย เพื่อให้คนไข้มีรอยยิ้มที่สวยงามเข้ากับใบหน้ามากที่สุด โดยทีมทันตแพทย์ได้รับการฝึกฝนพัฒนาด้านทักษะทางศิลปะ และทักษะที่จำเป็นต่อการพัฒนารอยยิ้มมาอย่างมีประสิทธิภาพ จึงสามารถออกแบบรอยยิ้มที่เหมาะสมกับบุคคลิกภาพ และกิจวัตรประจำวันของคนไข้แต่ละรายได้
การมีสุขภาพช่องปากที่ดีอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะในปัจจุบันคนเราต้องการรอยยิ้มที่สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ และเข้ากับใบหน้ามากที่สุด ซึ่งทีมทันแพทย์นั้น เข้าใจถึงปัจจัยที่จะทำให้คนไข้พึงพอใจมากกว่า การออกแบบรอยยิ้มด้วย Nemo Smile นั้น เป็นการร่วมมือกันระหว่างทันตแพทย์กับคนไข้เพื่อให้การรักษาเป็นไปในทิศทางที่ทันตแพทย์และคนไข้พึงพอใจ โดยที่คนไข้จะแจ้งจุดประสงค์ หรือความต้องการกับทันตแพทย์ ซึ่งวิดีโอและภาพถ่ายจะถูกบันทึกไว้ตลอดระหว่างการรักษา
ข้อดี ของแอปพลิเคชัน VERTEX DM (Vertex Dental Monitoring)
- ทำให้การจัดฟันใสมีประสิทธิภาพแม่นยำ ตรงตามแผนการรักษา
- จัดฟันเสร็จเร็วขึ้น
- ลดจำนวนครั้งที่ต้องเดินทางเข้าพบทันตแพทย์
- ได้รับการตรวจเช็คกับทันตแพทย์อย่างใกล้ชิด ทุกครั้งที่สแกนฟันด้วยแอปพลิเคชัน ทำให้ลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือเครื่องมือจัดฟันชำรุด
ข้อดีของการมีแล็บจัดฟันแบบใส ที่ TC Smile
- ความรวดเร็วในการผลิตเครื่องมือจัดฟันใส เนื่องจากไม่ต้องส่งต่างประเทศ จึงทำให้คนไข้ไม่ต้องรอเครื่องมือนาน
- ดูแลคนไข้อย่างใกล้ชิดโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- หากเครื่องมือจัดฟันใสเสียหายหรือชำรุด สามารถส่งซ่อมแซมได้อย่างรวดเร็ว
- เครื่องมือจัดฟันใสบางชนิดเป็นเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งต่างประเทศไม่มี เช่น จัดฟันใส Smart Night
ทำไมต้องจัดฟันใสที่ TC Smile ?
1. มีแล็บจัดฟันใสของตัวเองโดยเฉพาะทำให้การผลิตเครื่องมือจัดฟันใส การขนส่งเครื่องมือจัดฟันใส รวมไปถึงการซ่อมแซมเครื่องมือจัดฟันใส (กรณีที่เครื่องมือจัดฟันใสมีการแตกหัก) ใช้เวลาน้อยลงเพราะไม่ต้องส่งต่างประเทศ
2. มีทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันตกรรมในแต่ละด้าน
3. สวมใส่วันละ 22 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อผลการรักษาที่ดี และถอดออกเฉพาะเวลารับประทานอาหาร และแปรงฟัน
4. ทำให้การจัดฟันมีประสิทธิภาพ แม่นยำตรงตามแผนการรักษามากยิ่งขึ้น ด้วย Mobile Application ที่ล้ำสมัย
5. ทำให้การจัดฟันเสร็จเร็วขึ้น
6. ลดจำนวนครั้งที่ต้องเดินทางเข้าพบทันตแพทย์ ทำให้ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
7. เหมือนได้รับการตรวจเช็คสุขภาพฟันกับทันตแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะทุกครั้งที่คนไข้สแกนฟันด้วย Mobile Application นั้น ทำให้คนไข้ลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือเครื่องมือจัดฟันชำรุด ฯลฯ