การจัดฟันมีกี่แบบ? เลือกแบบไหนให้เหมาะกับเราที่สุด

การจัดฟันมีกี่แบบ เลือกแบบไหน

อยากจัดฟัน ต้องรู้! การจัดฟันมีกี่แบบและแตกต่างกันอย่างไร?

การจัดฟันมีกี่แบบ เลือกแบบไหนให้เหมาะกับเราที่สุด

การจัดฟันเป็นกระบวนการทางทันตกรรมที่ช่วยแก้ไขปัญหาฟันเก ฟันซ้อน ฟันห่าง และการสบฟันผิดปกติ เพื่อให้ฟันเรียงตัวสวยงามและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การจัดฟันมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าการจัดฟันมีกี่แบบ และแบบไหนที่เหมาะกับคุณมากที่สุด

การจัดฟันมีกี่แบบ?

1. การจัดฟันแบบรัดยาง

จัดฟันแบบรัดยาง

แบบโลหะธรรมดา

การจัดฟันประเภทนี้ใช้เครื่องมือจัดฟันที่ทำจากโลหะ ซึ่งประกอบด้วยแบร็กเก็ตและลวดจัดฟันที่ช่วยเคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม

ข้อดี:

  • มีประสิทธิภาพสูง สามารถแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันได้หลากหลาย
  • ค่ารักษาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับการจัดฟันประเภทอื่น
  • แข็งแรงและทนทาน

ข้อเสีย:

  • มองเห็นได้ชัด ทำให้บางคนอาจรู้สึกไม่มั่นใจ
  • อาจทำให้เกิดการระคายเคืองภายในช่องปาก
  • ต้องดูแลรักษาความสะอาดเป็นพิเศษ

แบบสีใสเหมือนฟัน

การจัดฟันรูปแบบนี้จะมีลักษณะคล้ายการจัดฟันแบบโลหะ แต่จะเป็นการใช้แบร็กเก็ตที่ทำจากเซรามิก ซึ่งมีสีใกล้เคียงกับฟัน ทำให้มองไม่เห็นเครื่องมือ ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ข้อดี:

  • สังเกตเห็นได้ยากกว่าแบบโลหะ ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
  • มีประสิทธิภาพในการจัดฟันที่ดีเช่นเดียวกับโลหะ

ข้อเสีย:  

  • ราคาสูงกว่าการจัดฟันแบบโลหะ
  • วัสดุเซรามิกเปราะบางกว่า อาจแตกหักได้ง่าย
  • อาจเกิดคราบสีเหลืองจากอาหารและเครื่องดื่มได้ง่าย

2. การจัดฟันแบบดามอน (Damon Braces)

จัดฟันแบบDamon

เป็นการจัดฟันแบบไม่ต้องใช้ยางรัดลวด เพราะใช้ระบบแบร็กเก็ตที่ช่วยให้ฟันเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระและรวดเร็วขึ้น

ข้อดี:

  • ลดแรงกดบนฟัน ทำให้เจ็บน้อยลง
  • ใช้เวลาจัดฟันสั้นกว่าการจัดฟันแบบทั่วไป
  • ดูแลรักษาง่ายขึ้น เพราะไม่มียางรัดที่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค

ข้อเสีย:

  • ราคาสูงกว่าการจัดฟันแบบโลหะและเซรามิก
  • อาจไม่เหมาะกับทุกกรณีของการจัดฟัน

3. การจัดฟันแบบใส

การจัดฟันแบบใส

เป็นการจัดฟันโดยใช้เครื่องมือจัดฟันแบบใสที่สามารถถอดออกได้ เครื่องมือจัดฟันใสทำจากพลาสติกคุณภาพสูงและออกแบบเฉพาะบุคคลโดยเฉพาะ

ข้อดี:

  • มองไม่เห็น ทำให้ดูเป็นธรรมชาติ
  • ถอดออกได้ ทำให้รับประทานอาหารและทำความสะอาดฟันได้ง่าย
  • ไม่ทำให้เกิดแผลในช่องปากเหมือนแบร็กเก็ตโลหะ

ข้อเสีย:

  • ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการจัดฟันแบบทั่วไป
  • ต้องมีวินัยในการใส่เครื่องมืออย่างน้อย 20-22 ชั่วโมงต่อวัน
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาการเรียงตัวของฟันที่ซับซ้อนมาก

4. การจัดฟันแบบด้านใน

เป็นการจัดฟันโดยติดเครื่องมือจัดฟันไว้ด้านหลังของฟัน ทำให้ไม่สามารถมองเห็นเครื่องมือจัดฟันจากภายนอก เวลายิ้มดูเป็นธรรมชาติเหมือนไม่ได้จัดฟัน

จัดฟันด้านใน

ข้อดี:

  • มองไม่เห็นเลย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจัดฟันแต่ไม่ต้องการให้เห็นเครื่องมือเวลายิ้มหรือพูดคุย
  • มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันได้ดี

ข้อเสีย:

  • ราคาแพงที่สุดในบรรดาการจัดฟันทุกประเภท
  • ใส่แล้วอาจพูดไม่ชัดในช่วงแรก
  • การทำความสะอาดค่อนข้างยาก เนื่องจากเครื่องมืออยู่ด้านในของฟัน

อ่านเพิ่มเติม :

เลือกการจัดฟันแบบไหนที่เหมาะกับคุณ?

การเลือกประเภทของการจัดฟันขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความต้องการส่วนตัว งบประมาณ ระยะเวลาในการรักษา และคำแนะนำจากทันตแพทย์

  • หากต้องการประสิทธิภาพสูงและงบประมาณจำกัด → การจัดฟันแบบโลหะ
  • หากต้องการให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น → การจัดฟันแบบเซรามิก
  • หากต้องการจัดฟันที่รวดเร็วขึ้นและเจ็บน้อย → การจัดฟันแบบดามอน
  • หากต้องการจัดฟันแบบที่มองไม่เห็นและถอดออกได้ → การจัดฟันแบบใส
  • หากต้องการจัดฟันแบบที่ไม่มีใครมองเห็นเลย → การจัดฟันแบบด้านใน

สรุป

จากคำถามการจัดฟันมีกี่แบบ คำตอบที่ได้คือการจัดฟันมีหลายประเภทตามที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน การเลือกวิธีที่เหมาะสมกับคุณควรพิจารณาจากความต้องการ งบประมาณ และคำแนะนำของทันตแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ไม่ว่าคุณจะเลือกแบบไหน การจัดฟันจะช่วยให้คุณมีรอยยิ้มที่สวยงามและช่วยเพิ่มความมั่นใจได้มากยิ่งขึ้น